การที่จำเลยด่าโจทก์ด้วยถ้อยคำว่า "ไอ้เปรตไอ้เฒ่าบ้าแก่จะเข้าโลงยังหลงบ้าสมบัติ แถมบ้าเมียไม่สมแก่ไอ้หัวล้าน" ต่อหน้าบุคคลอื่นย่อมทำให้ผู้ได้ยินฟังเข้าใจได้ว่าโจทก์เป็นคนไม่ดี บ้าสมบัติบ้าผู้หญิง ซึ่งถ้อยคำดังกล่าวไม่เพียงแต่หยาบคายและเป็นคำกล่าวที่ไม่สมควรเท่านั้น หากแต่เป็นการหมิ่นประมาทโจทก์ผู้ให้อย่างร้ายแรง ถือได้ว่าเป็นการประพฤติเนรคุณ โจทก์ย่อมจะเรียกถอนคืนการให้ที่ดินพิพาทจากจำเลยได้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 531(2)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3880/2540
โจทก์ฟ้องและแก้ไขคำฟ้องว่า โจทก์เป็นบิดาของจำเลย โจทก์จดทะเบียนโอนที่ดินให้จำเลยโดยเสน่หารวม 4 แปลง พร้อมสิ่งปลูกสร้าง จำเลยหมิ่นประมาทโจทก์อย่างร้ายแรงต่อหน้าบุคคลอื่นหลายคนว่า "ไอ้เปรต ไอ้เฒ่าบ้า แก่อี้ตายจะเข้าโลงยังหลงบ้าสมบัติ แถมบ้าเมียเหลย ไม่สมแก่ ไอ้หัวล้าน" หลังจากวันดังกล่าวจำเลยยังหมิ่นประมาทโจทก์ต่อนางเยาวลักษณ์ ศรีจันทร์ ว่า "เปรตอี้ตาย เฒ่าอี้ตาย ยังหาทนายฟ้องกูเหลยอย่าหาทนายให้หมัน" อันเป็นการประพฤติเนรคุณ ขอให้บังคับจำเลยจดทะเบียนโอนที่ดินทั้ง 4 แปลง ดังกล่าวคืนโจทก์ หากไม่ปฏิบัติตาม ให้ถือเอาคำพิพากษาเป็นการแสดงเจตนาของจำเลย ให้จำเลยและบริวารขนย้ายทรัพย์สินออกไปจากที่ดินทั้ง 4 แปลง ดังกล่าว เว้นแต่สิ่งปลูกสร้างที่มีอยู่ก่อนได้รับการยกให้จากโจทก์
จำเลยขาดนัดยื่นคำให้การ
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยและบริวารขนย้ายทรัพย์สินออกจากที่ดินตามหนังสือรับรองการทำประโยชน์เลขที่ 1684 หมู่ที่ 6 เลขที่ 44 หมู่ที่ 2 และเลขที่ 139 หมู่ที่ 6 ตำบลปากแตระ อำเภอระโนด จังหวัดสงขลา กับที่ดินโฉนดเลขที่ 20812 ตำบลเขารูปช้าง อำเภอเมืองสงขลา จังหวัดสงขลา เว้นแต่สิ่งปลูกสร้างที่มีอยู่ก่อนได้รับการยกให้จากโจทก์ และให้จำเลยจดทะเบียนโอนที่ดินทั้ง 4 แปลงดังกล่าวคืนโจทก์ หากไม่ปฏิบัติตาม ให้ถือเอาคำพิพากษาเป็นการแสดงเจตนาของจำเลย
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 3 พิพากษายืน
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า "พิเคราะห์แล้ว คดีมีปัญหาที่ต้องวินิจฉัยตามฎีกาของจำเลยประการแรกว่า โจทก์จดทะเบียนยกที่ดินให้แก่จำเลยเพื่อประกอบการเลี้ยงชีพเป็นการให้โดยหน้าที่ธรรมจรรยาหรือไม่ |